"เรือนตะเกียง กระโจมไฟ หรือประภาคาร"
เขียนโดย งานประชาสัมพันธ์
"เรือนตะเกียง กระโจมไฟ หรือประภาคาร"
เสาปูนปริศนาต้นนี้ มีชื่อเรียกอย่างเป็นทางการว่า "กระโจมไฟนำร่องคู่ใน" จัดสร้างขึ้นเมื่อปี พ.ศ.2480 เป็นเครื่องหมายช่วยในการเดินเรือเข้าสู่แม่น้ำเจ้าพระยา เหลือเพียง 1 ต้น จนถึงปัจจุบัน เป็นเครื่องหมายช่วยในการเดินเรือที่เรียกว่า เรือนตะเกียง ประภาคาร หรือกรโจมไฟ แห่งแรกของประเทศไทย ถูกสร้างขึ้นบนสันดอนปากแม่น้ำเจ้าพระยาในสมัยรัชกาลที่ 5 ในปีพุทธศักราช 2414 โดยสมเด็จเจ้าพระยาบรมมหาศรีสุริยวงศ์ (ช่วง บุนนาค) ในขณะที่ดำรงตำแหน่งผู้สำเร็จราชการเป็นผู้จัดสร้างด้วยเงินส่วนตัวทั้งหมด จึงมีชื่อปรากฎในแผนที่เดินเรือสมัยโบราณว่า "Regent Light-house"หรือ "ประภาคารผู้สำเร็จราชการ"
ต่อมาในปีพุทธศักราช 2480 ได้มีการก่อสร้างกระโจมไฟบนบกปากแม่น้ำเจ้าพระยาขึ้นฝั่งละ 2 ต้น รวม 4 ต้น โดยกระโจมไฟที่สร้างขึ้นปากแม่น้ำเจ้าพระยาฝั่งตะวันออกจำนวน 2 ต้น ได้ถูกสร้างขึ้นในพื้นที่ตำบลบางปูมีชื่อเรียกอย่างเป็นทางการว่า "กระโจมไฟนำร่องคู่ใน" ซึ่งปัจจุบันได้ถูกรื้อถอนออกไปจนหมดทั้ง 2 ต้นแล้ว ส่วนปากแม่น้ำเจ้าพระยาฝั่งตะวันตกได้มีการสร้างกระโจมไฟ จำนวน 2 ต้น ขึ้นที่ตำบลแหลมฟ้าผ่า มีชื่อเรียกอย่างเป็นทางการว่า "กระโจมไฟนำร่องคู่นอก" โดยกระโจมไฟทั้ง 4 ต้น เรื่มจุดตะเกียงแก๊สส่องสว่างพร้อมกันเมื่อวันที่ 25 ตุลาคม พุทธศักราช 2480
ทั้งนี้กระโจมไฟต้นที่ 1 ซึ่งอยู่ในพื้นที่ตำบลแหลมฟ้าผ่านั้น ตั้งอยู่ริมแม่น้ำเจ้าพระยาใกล้กับกองเรือทุ่นระเบิด กองเรือยุทธการ และได้ถูกรื้อถอนออกไปเมื่อไม่นานมานี้ จึงมีเพียงกระโจมไฟที่ตั้งอยู่ภายในสนามกีฬากลางเทศบาลตำบลแหลมฟ้าผ่าต้นนี้เพียงต้นเดียวเท่านั้นที่ยังคงหลงเหลืออยู่ให้อนุชนรุ่นหลังได้ศึกษาและเรียนรู้
ในการนี้เทศบาลตำบลแหลมฟ้าผ่าได้ทำการซ่อมแซม ปรับปรุงและอนุรักษ์ให้เป็นแหล่งเรียนรู้แห่งใหม่ของตำบลแหลมฟ้าผ่าต่อไป
"คือแสงแรกส่องท้องทะเลไทย กลืนลับหายไปกับกาลเวลา เป็นประทีปประทับประดับฟ้า เจ้าพระยาประภาคารตำนานทะเล"